English Grammar คือ ไวยากรณ์อังกฤษ หรือ แกรมม่า ภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นพื้นฐานภาษาอังกฤษ ที่จำเป็นสำหรับนักเรียน เพราะถ้าไม่เข้าใจแล้ว การจะอ่านตำราภาษาอังกฤษก็จะลำบาก เพราะอ่านแล้วจะงงกับโครงสร้างของประโยค ซึ่งเป็นเรื่องของหลักไวยากรณ์ล้วนๆ
แต่ว่าไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ เนี่ยเป็นอะไรที่นักเรียนไม่ชอบเอาเสียเลย สาเหตุเพราะหลายคนคิดว่าย๊ากยาก มันก็เลยยากอย่างที่เราคิดนั่นแหละ แต่ความรู้ภาษาอังกฤษ ในเรื่องของไวยากรณ์ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนถึงขนาดนั้นหรอก ถ้าเรามีเวลาศึกษาอย่างจริงจัง
และถ้าเราท่องให้ขึ้นใจว่า หากไวยากรณ์มันยากขนาดนั้นคงไม่มีใครเรียนรู้เรื่องเป็นแน่แท้ หากเรามีความคิดเช่นนี้ สมองก็จะสั่งการว่าถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้สิ
จึงขอแนะเบื้องต้นตรงนี้ว่าการเรียนไวยากรณ์คือการเรียนความแตกต่างของหลักภาษานั้นเอง ถ้าเราทำความเข้าใจสักนึดหนึ่งรับรองว่าไม่ยากเกินที่เราจะศึกษาหรอกครับ
ข้อแนะนำการเรียนแกรมม่า
- ไม่สำคัญ = เรียนพอให้รู้่ ผ่านแล้วผ่านเลย
- สำคัญ = เรียนให้รู้และให้เข้าใจ ตอบคำถามไดุ้ถ้ามีคนถาม
- สำคัญมาก = เรียนให้รู้ และให้เข้าใจ จดจำกฎเกณฑ์ให้ได้ อธิบายได้ เพราะเป็นหัวใจของหลักภาษา โดยอาศัยการอ่านบ่อยๆ ทบทวนบ่อยๆ แล้วก็จะจำได้เอง คอนเฟิร์ม
หลักไวยากรณ์ grammar พื้นฐาน (Basic English Grammar)
⇒ Parts of speech (ไม่สำคัญ)
⇒ คำนามทั่วไป และคำนามเฉพาะ (ไม่สำคัญ)
⇒ เอกพจน์ และพหูพจน์คือะไร (สำคัญ)
⇒ นามนับได้ นับไม่ได้ดูตรงไหน (สำคัญ)
⇒ หลักการคร่าวๆของนามนับได้และนามนับไม่ได้ (สำคัญ)
⇒ หลักการใช้ a an (สำคัญมาก)
⇒ หลักการใช้ The (สำคัญมาก)
⇒ นามที่ไม่ต้องใช้ a an the (สำคัญมาก)
⇒ หลักการเปลี่ยนนามเอกพจน์ เป็นพหูพจน์ (สำคัญมาก)
- เติม s ท้ายคำนาม
- นามลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z เติม es
- นามลงท้ายด้วย y
- นามลงท้ายด้วย o
- นามที่ลงท้ายด้วย f, fe
- นามที่เปลี่ยนรูปภายใน
- นามที่คงรูปเดิม ไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
- นามที่มีรูปพหูพจน์เท่านั้น
- นามเอกพจน์แต่มี s ต่อท้าย
- นามพหูพจน์แต่ไม่มี s ต่อท้าย
- ข้อสอบ Plural Forms 1 (ง่ายๆ)
- ข้อสอบ Plural Forms 2 (ยากนิดหนึ่ง)
⇒ คำนามที่นับไม่ได้ที่ใช้บ่อย (สำคัญ) ⇒ การนับคำนามที่นับไม่ได้ Counting Uncountable Noun (สำคัญ)
⇒ การใช้ few, a few / little, a little (สำคัญ) ⇒ การใช้ There is/ There are (สำคัญ) ⇒ การใช้ a lot of/ lots of (สำคัญ)
⇒ การใช้ This / That – These / Those (สำคัญ)
⇒ การใช้ Some / Any (สำคัญ) ⇒ การใช้ Much / Many (สำคัญ) ⇒ การใช้ How much/ How many (สำคัญ)
⇒ Pronoun สรรพนาม (สำคัญมาก)
⇒ คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย 120 คำ ⇒ Comparative / Superlative Adjective คุณศัพท์ขั้นธรรมดา กว่า และที่สุด (สำคัญมาก)
⇒ Possessive Adjective คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (สำคัญมาก) ⇒ Possessive Pronoun สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (สำคัญมาก) ⇒ Possessive Adjective & Possessive Pronoun ใช้ต่างกันอย่างนี้ (สำคัญมาก)
⇒ Subject Verb agreement ประธานกริยาต้องสอดคล้องกัน 1 (สำคัญมาก) ⇒ Subject Verb agreement ประธานกริยาต้องสอดคล้องกัน 2 (สำคัญมาก)
ยินดีด้วยครับที่ทุกท่านได้เรียนรูแกรมม่าพื้นฐานแล้ว ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจนะครับ อย่าหลอกตัวเอง เพราะด่านต่อไปเป็นภารกิจหลักของการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ นั่นคือ ภารกิจพิชิต Tenses ทั้ง 12
หลักการ 12 Tense
⇒ คลิกเข้าสู่บทเรียนเรื่อง Tenses 12
แกรมม่าภาษาอังกฤษกับคำถามที่ถามบ๊อยบ่อย
- ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษยากไหม
- หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้นมีอะไรบ้าง
- โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษซับซ้อนแค่ไหนกัน
- และอื่น ๆ……จิปาถะ
คำตอบคือ อย่าถามมากแต่ศึกษาให้มากจะรู้เอง อิ ๆ ล้อเล่นคร้าบ การเรียนไวยากรณ์นั้นเหมือนกับการทำอะไรต่อมิอะไรละครับ
เอ้าแล้วมันเป็นยังไงล่ะ…..อ้าวก็เริ่มจากระดับง่าย ๆ ก่อนไง เหมือนกับการขึ้นตึกสิบชั้น ต้องเริ่มที่บันไดขั้นแรกแล้วไปทีละก้าวนั่นแหละ (ยกเว้นขึ้นลิฟต์)
ให้จดจำคำพูดหนึ่งที่ทุกคนควรเอาอย่างคือ “อะไรก็ตามแต่ที่มนุษย์คนหนึ่งทำได้ มนุษย์คนอื่นก็ย่อมทำได้ด้วย”
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษยากไหมคะ
ถ้ามีคนถามให้ตอบว่า ไม่ยากแต่ต้องใช้เวลาในการศึกษาให้เข้าใจ และจดจำให้ได้ การศึกษาให้เข้าใจสามารถทำได้ง่าย เพราะเมื่อเราเรียนรู้ย่อมเกิดความเข้าใจตามมา
แต่ปัญหาคือทำอย่างไรให้จดจำได้โดยไม่ลืม ตรงนี้ขอบอกว่าวิธีการง่ายๆคือ อ่าน อ่าน และอ่าน เหมือนพระที่สามารถจดจำบทสวดได้เพราะท่าน ท่อง ท่อง และก็ท่องนั่นเอง อย่างที่บอกครับ มันไม่มีอะไรยากหรือง่ายจนเกิน ถ้ามันยากทุกคนก็ทำไม่ได้ ถ้ามันง่ายทุกคนก็ทำได้หมดหน่ะสิครับ
มันเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ถ้าลงมือทำ ดูจากการเดินทางออกนอกโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เขาก็ทำกันมาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้
วิธีการคือควรเริ่มเรียนรู้จากอันง่าย ๆ ทำความเข้าใจจากระดับพื้นฐาน หรือระดับเบสิกนั่นแหละ
นักเรียนส่วนใหญ่ที่เห็นว่าไวยากรณ์เป็นเรื่องยาก ก็เพราะว่าไปเรียนอันที่มันยาก ๆ มันก็ยากซิครับ เหมือนกับให้เด็กน้อยยกกระสอบข้าวไง เด็กที่ไหนจะยกได้ เมื่อทำไม่ได้ก็ท้อและไม่สนใจในที่สุด สุดท้ายก็เกลียดมันไปเลย
เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามแต่ถ้าเราลองทำแล้วคิดว่ามันยากเกินกำลัง ก็ให้หาสิ่งที่เราคิดว่าเราพอเรียนรู้เรื่อง แล้วก็ทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งก่อน แล้วค่อยทำในสิ่งที่มันยากขึ้นไป
มันก็เหมือนกับการปีนให้ถึงยอดเขาและมองลงมา….แล้วเราก็บอกกับตัวเองว่า… เฮ้อมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดไว้นี่นา
แกรมม่าภาษาอังกฤษเบื้องต้นมีอะไรบ้าง
ถ้านักเรียนเดินเข้าไปในร้านหนังสือ และลองเปิดดูหนังสือแกรมม่าสักเล่มซิ บางเล่มหนาเตอะเลย อันนี้เค้าเขียนละเอียดถึงขนาดที่ว่าเจ้าของภาษาเองก็ไม่ได้เรียนลึกขนาดนี้
เปรียบเทียบกับไวยากรณ์ไทยก็ได้ จะมีสักกี่คนที่จะเรียนเจาะลึกลงไปจริงๆ ไม่ค่อยมีหรอก เพราะฉะนั้นให้เรียนเฉพาะที่จำเป็น ๆ ก่อน แล้วค่อยเจาะลึกลงไปอีกที ถ้าเราจะศึกษาในแขนงนั้น ๆ
หลักไวยากรณ์เบื้องต้นที่นักเรียนควรเรียนรู้ให้เข้าใจนั้น ต้องตอบคำถามความแตกต่างของภาษาอังกฤษและภาษาไทยต่อไปนี้ได้
- คำนามเอกพจน์ พหูพจน์คืออะไร
- ประธานเอกพจน์ พหูพจน์ มีผลต่อกริยาในประโยคอย่างไร
- ทำไมกริยาถึงมีสามช่อง เอาไปใช้อย่างไร
- เวลามีความเกี่ยวข้องกับคำโครงสร้างภาษาอย่างไร
ถ้าตอบคำถามง่าย ๆ นี้ได้แสดงว่าพอเข้าใจหลักภาษาแล้วละครับ
โครงสร้างแกรมม่าภาษาอังกฤษซับซ้อนไหม
เฮ้อ….นี่แหละสิ่งที่อยากจะบอกว่าให้ใจเย็น ๆ ให้เรียนให้เข้าใจ และค่อยเป็นไป ซึ่งโครงสร้างในที่นี้คือ โครงสร้างของ Tense นั่นแหละ มันมีโครงสร้าง 12 อันก็จริง แต่ว่าที่ใช้บ่อย ก็มีแค่ 5-6 อันเองแหละ ที่เหลือเรียนให้รู้ก็พอ เพราะไม่ค่อยได้ใช้กันเลย
เรื่อง Tense เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของหลักภาษาอังกฤษ และเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง เพราะคำกริยาสามช่องจะเกี่ยวเนื่องกับเวลา และเวลามันก็คือโครงสร้างของ Tense ทั้งหมดทั้งมวล นั่นเอง
จะว่าไปก็คล้ายๆกับภาษาบาลี หากใครเคยเรียนบาลีก็จะรู้มันมันยากและซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษเสียอีก
การทำความเข้าใจเรื่อง Tense ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง เรียนรู้และทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาไทยให้ได้
ภาษาไทย จะมีแค่คำบ่งบอกเวลามากับกับว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ของภาษาอังกฤษนั้น คำกริยาทั้ง 3 ช่อง และโครงสร้างของประโยคจะบ่งบอกเวลาให้รู้ว่าเหตูการณ์นั้นเกิดเมื่อไหร่ แม้ไม่มีเวลากำกับเหมือนภาษาไทย เช่น
- ฉันกินข้าว (กินยังไง เมื่อไหร่ไม่รู้
แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ…
I eat rice. (อ๋อ…กินข้าวเป็นอาหารหลัก กินข้าวทุกวัน)
I ate rice. (อ๋อ.. กินข้าวมาแล้วสินะ บอกเพิ่มเติมซิ….กินเมื่อไหร)
waiting for next entry of grammar ka ^^
Heart cool ๆ (ใจเย็นๆ)
ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับการจัดทำเนื้อหาที่ดีมีประโยชน์ ทำให้เกิดความเข้าใจว่าเราต้องใส่ใจในสิ่งเล็ก ๆ รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ มากไปกว่า Tense ขอบคุณจากใจ…คนอยากเก่งภาษาอังกฤษค่ะ ^^
ขอบคุณครับ เข้าใจง่ายดีครับ
ชอบแบบฝึกหัดที่มีเสียงเฮและเสียงหัวเราะจากเด็กมาก อยากให้ทำแบบฝึกหัดแบบนี้ให้มากขึ้นทุก ๆ เนื้อหา
ขอบคุณมากค่ะ และดีใจมากที่สุดที่ได้ค้นพบ web นี้ กำลังเป็นครูให้ลูกที่อยู่ ป.5 ขอให้ได้บุญกับความรู้ที่ดีๆ ให้คนได้รับความรู้นะคะ จากหัวใจค่ะ
มีสาระการเรียนรู้…ไม่ยากแบบที่คิดค่ะ
ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้แแบ่งปันของให้มีความสุขหวังตลอดไป
ขอบคุณมากนะคะ ที่แบ่งบันความรู้ ลูกสาวชอบ ภาษาอังกฤษ ตอน นี้อยู่ ป.5 จะขึ้น ป.6 ลูกสาวเข้ามาดูแล้วชอบมากเลยคะ
อยากให้การฝึกออกสำเนียงด้วยคะ จะพูด/อ่านอย่างไรให้เหมือนเจ้าของภาษา จะสูงต่ำตรงไหนอย่างไรในประโยค ขอบคุณมากถึงมากที่สุด
เป็นแผนการจะทำอยู่แล้วครับ รอหน่อยครับ รอให้มีตังค์ซื้ออุปกรณ์ก่อนครับ
ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอยางสูงค่ะที่กรุณาสอนใน web ได้อย่างละเอียดดีมากเลยค่ะ พอดิฉันอ่านครบหมดทุกหัวข้อเรื่องแล้ว ทำให้คนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษอย่างดิฉัน เข้าใจพื้นฐานได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ จากคนที่เคยเกลียดและกลัวภาษาอังกฤษมาก แต่ตอนนี้กลายเป็นชอบแล้วค่ะ ขอให้บุญกุศลที่อาจารย์แบ่งปันความรู้ในครั้งนี้ จงส่งผลให้อาจารย์และครอบครัวจงมีแต่ความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้ได้สมดังปรารถนา ขอขอบพระคุณด้วยใจจริงอีกครั้งค่ะ
ขอบคุณครับ
เป้าหมายของการสร้างสรรค์เว็บคือ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจนเก่ง
ในอนาคตจะสร้างเป็นวีดีโอด้วยครับ ตอนนี้เก็บตังค์ซื้อกล้องก่อนครับ
Admid พูดน่าเห็นใจจังค่ะ ดีใจที่มีครูมีเสียสละเพื่อ เยาวชน ประชาชน ทั่วไป หวัง และ ขอวา่ ผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษ จะได้รู้ เก่ง English ทุกคน นะคะ
เรื่อง Parts of Speech สำคัญมากนะครับ เพราะ ช่วยในเรื่องการอ่านและวิเคราะห์ความหมายของประโยคได้อย่างมาก จะละเลยไม่ได้เลย จากใจคนเรียน Applied Linguistics ครับ