หลักการใช้ Past Continuous Tense หรือ Past Progressive ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนนิดหนึ่งตรงที่ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตซ้อนกันอยู่ ซึ่งผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่าสองเหตุการณ์ที่ว่านั้น เหตุการณ์ไหนใช้ tense อะไร และมีข้อสังเกตอย่างไร
Past Continuous Tense
- Past Continuous Tense (Tense อดีตกำลังทำ)
- Past พาสท= อดีต
- Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
โครงสร้าง Past Continuous Tense
I,He, She, It, A cat |
was |
eating |
You, We, They, Cats |
were |
eating |
คำว่า was, were คือ ช่องที่ 2 ของ verb to be (is, am, are)
- was อ่านว่า เวิส มาจาก is
- were อ่านว่า เวอ มาจาก are
*** ข้อควรจำ I ใช้ was ซึ่งเป็น Tense เดียวที่ใช้กริยาร่วมกับประธานเอกพจน์ นอกนั้นใช้กับประธานพหูพจน์ครับ จำไว้ให้ดีเชียว
หลักการใช้
1. ใช้เล่าเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
เมื่อวานนี้ฉันไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วก็เห็นอะไรหลายๆอย่างดังนี้
เมื่อวานครอบครัวของฉันไปสวนสาธารณะมา ฉันกำลังกินอาหารว่าง แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คุณพ่อกับน้องชายกำลังเล่นฟุตบอล ส่วนน้องสาวกับเพื่อนๆของเธอกำลังเล่นวอลเลย์บอล หมาของฉันกำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นวันที่สดใสจริงๆ
My family went to the park yesterday. I was eating some snacks. My mom was reading a newspaper. My dad and my brother were playing football. My sister and her friends were playing volleyball. My dog was sleeping under the tree. It was a really beautiful day.
หรือถ้าจะบอกว่าคนนั้นกำลังทำอันนี้ คนนี้กำลังทำอันโน้น คนโน้นกำลังทำอันนู้น ก็ได้ เช่น
I was eating while it was raining.
ฉันกำลังกินข้าว ขณะที่ฝนกำลังตก
As they were reading, I was sleeping.
ขณะที่พวกเขากำลังอ่านหนังสือ ฉันกำลังนอนหลับอยู่
We were listening to the radio as he was watching TV?
พวกเรากำลังฟังวิทยุ ขณะที่เขากำลังดูทีวี
What were you doing while I was playing football?
คุณกำลังทำอะไรอยู่ ขณะที่ฉันกำลังเล่นฟุตบอล
หลักการใช้ตามข้อ 1 ไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยากอะไร สิ่งที่จะยุ่งยาก และนำมาออกข้อสอบบ่อยคือข้อต่อไป บอกก่อนว่าต้องทำความเข้าใจและใช้จินตนาการนิดหนึงนะครับ
2. ใช้บอกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและยังไม่จบกระบวนการ แต่มีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกกลางคัน
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (สอง Tense ) และต้องใช้ตามนี้ คือ
- เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่ (ใช้ Past Continuous Tense)
- เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้นักเรียนท่องว่า พาสคอน (past con) เกินก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
(ครั้งที่ 1 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง)
ทำไมต้องท่องแบบนี้ เพราะว่าเวลาออกข้อสอบมันก็จะมาประมาณนี้
When I ………………….., my dad…………………………..
- a. was sleeping, arrive
- b. slept, was arriving
- c. was sleeping, arrived
- d. were sleeping, arrived
จากตัวอย่างด้านบนหมายความว่า ” ฉันนอนหลับ พ่อมาถึง”
ระหว่าง ฉันนอน กับ พ่อมาถึง อันไหนน่าจะเกิดก่อน ถูกต้อง ฉันนอนหลับต้องเกิดก่อนที่พ่อจะมาถึง
ถ้าจะถามต่อว่ารู้ได้งัยว่าอันไหนเกิดก่อน ตรงนี้ต้องตอบว่านักเรียนต้องคิดเอาเองครับ (แต่จะมี Tips บอกต่อนท้าย)
ถ้างั้นมาใส่สูตรเข้าไปเลย พาสคอน (past con) เกินก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
เฉลยคือ
- a. was sleeping, (ถูกต้อง เกิดก่อนพาสคอน) arrive (ผิด อันนี้เป็น present simple)
- b. slept, (ผิด ก่อนก่อนต้องพาสคอนสิ) was arriving ( ผิด เกินหลังต้อง พาสซิม)
- c. was sleeping, (ถูกต้อง เกิดก่อนพาสคอน) arrived (ถูกต้อง เกิดหลังพาสซิม)
- d. were sleeping, (ผิด I ใช้ was) arrived (ถูกต้อง เกิดหลังพาสซิม)
Tip1 กริยาที่นำมาใช้
คำกริยาที่นำมาใช้กับ Past Continuous เป็นคำกริยาที่สามารถแสดงการกระทำได้นาน
จากตัวอย่างด้านบนระหว่าง นอน กับ มาถึง อะไรทำได้นานกว่ากัน คำตอบคือ “นอน” เพราะเราเป็นสิบชั่วโมงยังได้เลย
คำกริยาที่สามารถทำได้นาน และเห็นมาออกข้อสอบบ่อยๆ เช่น
do, drive, eat, have, read, sing, sit, sleep, swim, teach, write, clean, cook, cry, dance, play, rain, walk, wash, watch
คำกริยาที่นำมาใช้กับ Past Simple ส่วนใหญ่เป็นกริยาคำกริยาไม่สามารถทำได้นาน
จากตัวอย่างด้านบนระหว่าง นอน กับ มาถึง อะไรทำได้นานกว่ากัน ถูกต้อง มาถึง มันเกิดแค่แป๊บเดียว คำกริยาที่ไม่สามารถทำได้นาน เช่น take, start, arrive, see, hear, smell, hit, come, ring, cut
- I was having dinner when the phone rang.
ฉันกำลังกินข้าวเย็น ตอนที่โทรศัพท์ดัง
- When the police arrived, we were sleeping.
เมื่อตำรวจมาถึง พวกเรากำลังนอนหลับ
- As we were walking to school, we saw a big elephant.
ขณะที่พวกเรากำลังเดินไปโรงเรียน พวกเราเห็นช้างตัวใหญ่
- While they were reading, they heard a bird singing in the tree.
ขณะที่พวกเขากำลังอ่านหนังสือ พวกเขาได้ยินนกร้องเพลงอยู่บนต้นไม้
- She was swimming when the shark came.
หล่อนกำลังว่ายน้ำอยู่ เมื่อตอนที่ฉลามมา
- We were washing the car when it started to rain.
พวกเรากำลังล้างรถอยู่ ตอนที่ฝนเริ่มตก
- She took my book as I was playing football.
หล่อนเอาหนังสือฉันไป ขณะที่ฉันกำลังเล่นฟุตบอล
- A car hit the dog while it was running on the road.
รถยนต์คันหนึ่งชนหมา ขณะที่มันกำลังวิ่งบนถนน
-
- My mom cut her finger while she was cooking.
แม่ของฉันทำมีดบาดนิ้ว ขณะที่หล่อนกำลังทำอาหาร
- My mom cut her finger while she was cooking.
Tip2 การใช้ When While
การใช้ while
ประโยคที่อยู่หลัง while, as (ในขณะที่) ใช้ past continuous
การใช้ when
ประโยคที่อยู่หลัง when (เมื่อ, ตอนที่) ใช้ past simple
ประโยคที่อยู่หลัง when (ในขณะที่) ใช้ past continuous
- I was having dinner when the phone rang.
ฉันกำลังกินข้าว ตอนที่โทรศัพท์ดัง - While/When/As I was having dinner, the phone rang.
ขณะที่ฉันกำลังกินข้าว โทรศัพท์ก็ดัง
- When the police arrived, we were sleeping.
เมื่อตำรวจมาถึง พวกเรากำลังนอนหลับ - The police arrived as/while/when we were sleeping.
ตำรวจมาถึง ขณะที่พวกเรากำลังนอนหลับ
- As/When/While we were walking to school, we saw a big elephant.
ขณะที่พวกเรากำลังเดินไปโรงเรียน พวกเราเห็นช้างตัวใหญ่ - We were walking to school when we saw a big elephant.
พวกเรากำลังเดินไปโรงเรียน ตอนที่พวกเราเห็นช้างตัวใหญ่
Time Line เส้นเวลา
หลังจากที่ได้อ่านหลักการใช้แล้ว ลองศึกษาจากไทม์ไลน์ดูซิที่ว่า ถ้ามี “เหตุการณ์ที่หนึ่งกำลังเกิดขึ้น แล้วมีอีกเหตุการณ์ที่สองแทรกเข้ามา” มันมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
- สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
- สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
- สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
- ***ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์ที่หนึ่งที่กำลังเกิดขึ้น และจะดำเนินต่อไปอีกสักพัก
- ***ส่วนลูกศรสีแดงคือเหตุการณ์ที่สองที่แทรกเข้ามากลางคัน
จากไทม์ไลน์ขออธิบายว่า
- ลูกศรสีขาวนั้นคือ past continuous tense เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีกสักพักเพื่อให้จบกระบวนการ
- ส่วนลูกศรสีแดงคือ past simple tense ตัวนี้เข้ามาแทรกทีหลังกลางคัน มาดูตัวอย่างดีกว่า
I was having dinner when the phone rang.
ฉันกำลังกินข้าวเย็น ตอนที่โทรศัพท์ดัง
สมมติว่าฉันเริ่มกินข้าวเวลา หนึ่งทุ่ม (เส้นสีขาว ณ จุดเริ่มต้น) ขณะนี้เวลา หนึ่งทุ่มครึ่ง กินข้าวได้สักพักแล้ว (สีขาววิ่งมาได้ครึ่งหนึ่ง) แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น (ลูกศรสีแดงเข้ามาแทรก) แล้วยังไงต่อ ก็ไปรับโทรศัพท์สิ แล้วกินข้าวต่อให้อิ่ม (สีขาววิ่งต่อไปบนเส้นประสีเหลืองจนสุด)
As we were walking to school, we saw a big elephant.
พวกเรากำลังเดินไปโรงเรียน ตอนที่พวเราเห็นช้างตัวใหญ่
ตอนนี้เราเริ่มออกเดินทาง (เส้นสีขาวณ จุดเริ่มต้น) แล้วเดินไปสักพัก (สีขาววิ่งมาได้ครึี่ง) แล้วก็เห็นช้าง (เส้นสีแดงแทรกเข้า) แล้วก็เดินต่อไปจนถึงโรงเรียน (สีขาววิ่งไปตามเส้นสีเหลืองจนจบ)
สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มีสองเหตุการณ์ในอดีต “โดยเหตุการณ์ที่หนึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามากลางคัน” ให้ใช้โครงสร้าง
ประธาน + was, were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing / ประธาน +กริยาช่องที่ 2 (สู้ๆๆ)
เพิ่มเติม การใช้คำเชื่อม when as while
พิจารณาสองประโยคต่อไปนี้
A: I was having dinner when the phone rang.
ฉันกำลังกินข้าว ตอนที่โทรศัพท์ดัง
B: While I was having dinner, the phone rang.
ขณะที่ฉันกำลังกินข้าว โทรศัพท์ก็ดัง
อะไรคือความต่าง
a. ความหมาย
b. รูปแบบประโยค
ตอบ b ความหมายเดียวกันครับ ต่างกันที่การวางรูปประโยค เพราะว่ามันมีสองประโยค และมีคำเชื่อมอยู่ด้วย จึงสามารสลับหน้าหลังได้ แต่มีข้อควรจำนิดหนึ่งคือ
As/ While / When…………….,…………… ถ้าเอาคำเชื่อมขึ้นต้น ต้องมีคอมม่า ดังตัวอย่าง B
…………………as/ while/ when………….. ถ้าเอาคำเชื่อมไว้ตรงกลาง ไม่ต้องมีคอมม่า ดังตัวอย่าง A …..เข้าจั๋ยยยยัง
เข้าใจง่าย ง่ายมาก นึกว่าตัวเองโง่อยู่ตั้งนาน
จริงๆก็ไม่ได้โง่เท่าไหร่ พอรู้เรื่อง ขอบคุณมากนะคะ ครู