stative verb คืออะไร หลักการใช้ต่างจาก action verb ยังไง พร้อมตัวอย่างศัพท์และประโยค…เอาให้เคลียร์

ไอ้เจ้า stative verb คือกริยาที่ไม่ได้ออกแอ็กชัน… นั่นเอง อันนี้คือสรุปให้สั้นแล้วนะ ส่วนเจ้า action verb คือกริยาที่ออกแอ็กชัน ซึ่งเป็นคำตรงกันนั่นเอง บทเรียนวันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักการใช้ stative verb เอาให้เคลียร์ไปเลย…

Stative verb & Action verb

• stative verb อ่านว่า สเต๊ทิฝ เวิบ แปลว่า คำกริยาที่บอกสภาวะ
• action verb อ่านว่า แอ็คเชิน เวิบ แปลว่า คำกริยาที่บอกการกระทำ

action verb มีชื่อเรียกอีกชื่อนึง คือ…. dynamic verb หรือคำกริยาที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว โอ้ว…ชื่อย๊าวยาว..

Stative verb คืออะไร

stative verb คือคำกริยาที่บอกสภาวะ ความรู้สึกและอารมณ์ การรับรู้ ความคิด

• กริยาที่บอกสภาวะ เช่น belong own have
• กริยาที่บอกความรู้สึกและอารมณ์ เช่น love like hate need
• กริยาที่บอกการรับรู้ เช่น hear see smell taste feel
• กริยาที่บอกความคิด เช่น think understand believe

ตัวอย่างประโยค

• I have one sister and one brother.
  ฉันมีพี่สาว 1 คนและพี่ชาย 1 คน
• I like pizza.
  ฉันชอบพิซซ่า
• I see john playing football.
  ฉันเห็นจอห์กำลังเล่นฟุตบอล
• I think he’s a nice man.
  ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดี

ตัวอย่างกริยา stative verb

adore	ชื่นชอบ
agree	เห็นด้วย
appear	ปรากฏ
be	เป็น อยู่ คือ
become	กลายเป็น
believe	ชื่อ
belong	เป็นของ
come	เป็น
concern	เป็นกังวล
consist	ประกอบด้วย
cost	มีราคา
deny	ปฏิเสธ
depend	ขึ้นอยู่กับ
deserve	คู่ควร
disagree	ไม่เห็นด้วย
dislike	ไม่ชอบ
doubt	สงสัย
enjoy	ชอบ
envy	อิจฉา
exist	มีอยุ่
fear	กลัว
feel	รู้สึก
fit	เหมาะ
guess	เดา
hate	เกลียด
have	มี
hear	ได้ยิน
imagine	จินตนาการ
impress	ประทับใจ
include	รวม
involve	เกี่ยวข้อง
know	รู้ รู้จัก
lack	ขาด
like	ชอบ
look	ดูเหมือน
love	รัก
matter	สำคัญ
mean	หมายถึง
measure	มีขนาด
mind	รังเกียจ
need	ต้องการ
own	เป็นเจ้าของ
please	ทำให้ยินดี
possess	ครอบครอง
prefer	ชอบมากกว่า
promise	สัญญา
realise	ตระหนัก
recognise	จำได้
remember	จำ
require	ต้องการ
satisfy	พอใจ
see	เห็น
seem	ดูเหมือน
smell	ส่งกลิ่น
sound	ดูเหมือน
surprise	ทำให้แปลกใจ
suspect	สงสัย
taste	มีรสชาติ
think	คิด
understand	เข้าใจ
want	ต้องการ
weigh	หนัก
wish	ปรารถนา

หลักการใช้ static verb

static verb เป็นคำกริยาที่ห้ามเติม ing แต่….มีข้อยกเว้นอยู่นะ การเรียนรู้ static verb จะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ Continuous tense ในหัวข้อ…

กริยาที่ห้ามเติม ing

• I like dogs. √
  ฉันชอบหมา
• I am liking dogs. ×
  ฉันกำลังชอบหมา

• I want a puppy. √
  ฉันต้องการลูกหมา
• I am wanting a puppy. ×
  ฉันกำลังต้องการลูกหมา

• I hate him. √
  ฉันเกลียดเขา
• I am hating him. ×
  ฉันกำลังเกลียดเขา

• I love it. √
  ฉันรักมัน
• I am loving it. ×
  ฉันกำลังรักมัน

ปล… แต่ถ้าเจอ i’m loving it! นั่นเป็นกลยุทธ์การเล่นวลีของเขา เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า จริงๆแล้วต้องพูดว่า I love it!

ข้อพึงระวัง…ข้อยกเว้น

กริยา static verb บางตัว..เน้นว่าบางตัวเท่านั้น…สามารถนำมาใช้แสดงการกระทำ หรือเป็น action verb ได้นะครับ โดยมีหลักการดังนี้

1. ใช้ในความหมายอื่น…ก็อย่างที่รู้กันนะคับว่า คำศัพท์หนึ่งคำแปลได้หลายความหมาย
2. ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ

• I feel happy when I’m with you.
  ฉันรู้สึกมีความสุขเมื่อฉันอยู่กับคุณ
• I am feeling the pillow.
  ฉันกำลังคลำหมอน
  (feel แปลว่า รู้สึก, คลำ)

• I have one dog.
  ฉันมีหมา 1 ตัว
• I am having a shower.
  ฉันกำลังอาบน้ำ
  (have แปลว่ามี แต่ถ้าใช้ร่วมกับนามบางตัว จะแสดงการกระทำนั้นๆ เช่น have a bath อาบน้ำ / have dinner กินอาหารเย็น)

• I see a dog running.
  ฉันเห็นหมากำลังวิ่ง
• I am seeing a doctor tomorrow.
  ฉันกำลังจะไปพบหมอพรุ่งนี้
  (see แปลว่า เห็น, ไปพบ)

• Tom yam kung tastes good.
  ต้มยำกุ้งมีรสชาติดี
• The cook is tasting tom yam kung.
  พ่อครัวกำลังชิมต้มยำกุ้ง
  (taste แปลว่า มีรสชาติ, ชิม)

• That flower smells good.
  ดอกไม้นั้นมีกลิ่นหอม
• Jenny is smelling a flower.
  เจนกำลังดมดอกไม้
  (smell แปลว่า มีกลิ่น, ดม)

• I think you were right.
  ฉันคิดว่าคุณพูดถูก
  (แสดงความคิดเห็น)
• I am thinking about our vacation plan.
  ฉันกำลังคิดถึงแผนวันหยุดของเรา
  (แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ)

สรุปข้อแตกต่าง stative verb กับ action verb

• static verb เป็นคำกริยาที่ห้ามเติม ing

• action verb สามารถเติม ing

>> กริยาที่ห้ามเติม ing คืออะไร